วิธีการให้ยาแก่แพะ
สามารถทำได้หลายวิธี แต่ต้องเลือกการให้ยาให้เหมาะสม ดังนี้
1. การให้ยาโดยการฉีด แบ่งได้เป็น
- การฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อแพะ การฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อมีผลทำให้การเริ่มต้นออกฤทธิ์ของยาช้ากว่าการฉีดยาเข้าเส้นเลือดดำ ระยะเวลาที่ให้ผลในการรักษานานกว่าการฉีดยาเข้าเส้นเลือดดำ และระยะเวลาที่ให้ผลในการรักษาอาจจะเปลี่ยนให้ยาวนานขึ้น โดยการเลือกชนิดของยา หรือการเปลี่ยนยาให้อยู่ในรูปเฉพาะ หรือโดยการเพิ่มกลุ่มอินทรีย์เข้าไปในโมเลกุลของยา
ตำแหน่งที่นิยมฉีดเข้ากล้ามเนื้อแพะ ได้แก่ บริเวณแผงคอ กล้ามเนื้อขา (กล้ามเนื้อด้านหน้าของขาหลัง) กล้ามเนื้อขา (ขาด้านในใกล้ผนังท้อง) ยาที่นิยมฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ได้แก่ ยาปฏิชีวนะ วิตามิน ฮอร์โมน ในการฉีดใช้เข็มขนาด เบอร์ 20 ถึง 18 ยาว 1 นิ้ว ซึ่งเข็มต้องคมและสะอาด ก่อนฉีดยาให้ทาบริเวณที่จะฉีดด้วยแอลกอฮอล์ และเมื่อแทงเข็มเข้าไปแล้วก่อนเดินยาให้ดึงก้านกระบอกฉีดยาขึ้นเล็กน้อยดูว่ามีเลือดไหลเข้าในกระบอกฉีดยาหรือไม่ ถ้าไม่มีจึงเดินยา ถ้ามี แสดงว่าแทงเข็มโดนเส้นเลือดให้ดึงเข็มเปลี่ยนตำแหน่งฉีดใหม่
- การฉีดยาเข้าใต้ผิวหนังแพะ ผลการฉีดยาเข้าใต้ผิวหนังมีผลทำให้การเริ่มต้นออกฤทธิ์ของยาจะเกิดขึ้นช้า ๆ และระยะเวลาที่ให้ผลในการรักษาอาจจะนานกว่าการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อเล็กน้อย เนื่องจากการดูดซึมของยาอาจจะเป็นไปช้า ๆ
ตำแหน่งที่นิยมฉีด ได้แก่ บริเวณแผงคอ บริเวณหลังไหล่ ยาที่นิยมฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ได้แก่ วัคซีน ยาบำรุง ในการฉีดใช้เข็มขนาด เบอร์ 22 ถึง 20 ยาว 3 ส่วน 4 นิ้ว (หรือขนาดความยาว 1 นิ้ว ก็ใช้ได้) ก่อนฉีดต้องเช็ดบริเวณจะฉีดด้วยแอลกอฮอล์ ใช้มือดึงหนังขึ้นแล้วแทงเข็มเข้าไปใต้ผิวหนัง เดินยาแล้วใช้มือคลึงบริเณที่ฉีดยา เพื่อให้ยากระจายได้ดีและเร็วขึ้น
- การฉีดยาเข้าเส้นเลือดแพะ การฉีดเข้าเส้นเลือดมีผลทำให้ระดับยาเริ่มต้นในเลือดสูงหลังจากฉีดยา การเริ่มต้นออกฤทธิ์ของยาอย่างรวดเร็วที่สุด ระยะเวลาที่ให้ผลการรักษาสั้น
ตำแหน่งที่นิยมฉีด ได้แก่ เส้นเลือดดำใหญ่ที่คอทั้งสองเส้น ในการฉีดใช้เข็มขนาด เบอร์ 22 ถึง 20 ก่อนฉีดควรบังคับจับแพะให้นิ่งโดยใช้ขาทั้งสองคล่อมตัวแพะ จับหัวแพะเงยขึ้นบิดลำคอเล็กน้อย แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือกดบริเวณร่องคอด้านล่าง จะเห็นเส้นเลือดดำโป่งขึ้นมา หลังจากนั้นเช็ดบริเวณที่จะฉีดด้วยแอลกอฮอล์ แล้วแทงเข็มให้ทำมุมประมาณ 30-45 องศา กับลำคอแพะ ค่อย ๆ เดินยาจนหมดกระบอกฉีดยา แล้วถอนเข็มออก เช็ดด้วยแอลกอฮอล์อีกครั้ง
2. การให้ยาทางปากแก่แพะ ผลการให้ยาทางปากจะทำให้การเริ่มต้นออกฤทธิ์ของยาช้ากว่าการให้ยาโดยการฉีด ระยะที่ให้ผลการรักษานานกว่า ขนาดของยาที่ใช้ในการรักษามากกว่าการให้ยาโดยการฉีด ในการให้ยาทางปากปลอดภัยกว่าการฉีดเพราะดูดซึมช้ากว่า และมีข้อจำกัดในกรณีสัตว์อาเจียน ท้องเสีย และยาถูกทำลายด้วยน้ำย่อยจากกระเพาะอาหาร การให้ยาทางปากจะลดการดูดซึมของยาหรือการออกฤทธิ์ของยา
ตำแหน่งที่ให้ยาคือ บริเวณโคนลิ้น ยาที่นิยมให้ทางปาก ได้แก่ ยาถ่ายพยาธิ ยาลดไข้ ก่อนให้ยาต้องบังคับให้แพะอยู่นิ่ง ๆ แหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย แต่จมูกต้องไม่อยู่สูงกว่าระดับลูกตาของแพะ เพื่อป้องกันกรณียาน้ำไม่สำลักเข้าปอด ขั้นตอนเริ่มต้นด้วยการดึงลิ้นแพะออกด้านข้างแล้วสอดยาวางบนโคนลิ้นและปล่อยให้แพะแ กะกลืนยาลงไป กรณียาน้ำให้สอดหลอดหรือกระบอกฉีดยาเข้าไปบนโคนลิ้นแล้วค่อย ๆ ปล่อยยาไหลลงไป
3. การให้ยาทางช่องคลอด ใช้ในกรณีที่ช่องคลอดหรือมดลูกมีบาดแผล หรืออักเสบ เช่น กรณีมดลูกอักเสบทำได้โดยการสอดเม็ดยาโดยใช้เครื่องสอดเม็ดยา กรณีมดลูกอักเสบนอกจากสอดยาแล้วให้ล้างช่องคลอดด้วยยาฆ่าเชื้อ หรือยาเหลืองล้าง โดยใช้สายยางสอดเข้าไปแล้วใช้ไซริงจ์ดูดยาต่อสายยางฉีดเข้าไป โดยให้สายยางเป็นตัวช่วย จากนั้นสอดยาเข้าไป จะช่วยให้มดลูกอักเสบหายเร็วยิ่งขึ้น
4. การให้ยาทางทวารหนัก บางครั้งในกรณีที่เกิดโรคบริเวณส่วนปลายของระบบทางเดินอาหาร เช่น มีแผลอักเสบ มีอุจจาระเป็นก้อนแข็ง สัตว์ไม่สามารถถ่ายได้สะดวก เช่น กรณีท้องผูก ไม่ถ่ายก็ให้ยาสวนทวารหนัก ซึ่งเป็นตัวยาหล่อลื่นและระคายเคืองน้อย เช่น น้ำสบู่หรือกลีเซอรีน
กรณีที่ทวารหนักมีแผล หรือมีแผลอักเสบสามารถให้ยาเม็ดได้เช่นกัน เนื่องจากอุณหภูมิของทวารหนักสูงสามารถละลายยาได้
1. การให้ยาโดยการฉีด แบ่งได้เป็น
- การฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อแพะ การฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อมีผลทำให้การเริ่มต้นออกฤทธิ์ของยาช้ากว่าการฉีดยาเข้าเส้นเลือดดำ ระยะเวลาที่ให้ผลในการรักษานานกว่าการฉีดยาเข้าเส้นเลือดดำ และระยะเวลาที่ให้ผลในการรักษาอาจจะเปลี่ยนให้ยาวนานขึ้น โดยการเลือกชนิดของยา หรือการเปลี่ยนยาให้อยู่ในรูปเฉพาะ หรือโดยการเพิ่มกลุ่มอินทรีย์เข้าไปในโมเลกุลของยา
ตำแหน่งที่นิยมฉีดเข้ากล้ามเนื้อแพะ ได้แก่ บริเวณแผงคอ กล้ามเนื้อขา (กล้ามเนื้อด้านหน้าของขาหลัง) กล้ามเนื้อขา (ขาด้านในใกล้ผนังท้อง) ยาที่นิยมฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ได้แก่ ยาปฏิชีวนะ วิตามิน ฮอร์โมน ในการฉีดใช้เข็มขนาด เบอร์ 20 ถึง 18 ยาว 1 นิ้ว ซึ่งเข็มต้องคมและสะอาด ก่อนฉีดยาให้ทาบริเวณที่จะฉีดด้วยแอลกอฮอล์ และเมื่อแทงเข็มเข้าไปแล้วก่อนเดินยาให้ดึงก้านกระบอกฉีดยาขึ้นเล็กน้อยดูว่ามีเลือดไหลเข้าในกระบอกฉีดยาหรือไม่ ถ้าไม่มีจึงเดินยา ถ้ามี แสดงว่าแทงเข็มโดนเส้นเลือดให้ดึงเข็มเปลี่ยนตำแหน่งฉีดใหม่
- การฉีดยาเข้าใต้ผิวหนังแพะ ผลการฉีดยาเข้าใต้ผิวหนังมีผลทำให้การเริ่มต้นออกฤทธิ์ของยาจะเกิดขึ้นช้า ๆ และระยะเวลาที่ให้ผลในการรักษาอาจจะนานกว่าการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อเล็กน้อย เนื่องจากการดูดซึมของยาอาจจะเป็นไปช้า ๆ
ตำแหน่งที่นิยมฉีด ได้แก่ บริเวณแผงคอ บริเวณหลังไหล่ ยาที่นิยมฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ได้แก่ วัคซีน ยาบำรุง ในการฉีดใช้เข็มขนาด เบอร์ 22 ถึง 20 ยาว 3 ส่วน 4 นิ้ว (หรือขนาดความยาว 1 นิ้ว ก็ใช้ได้) ก่อนฉีดต้องเช็ดบริเวณจะฉีดด้วยแอลกอฮอล์ ใช้มือดึงหนังขึ้นแล้วแทงเข็มเข้าไปใต้ผิวหนัง เดินยาแล้วใช้มือคลึงบริเณที่ฉีดยา เพื่อให้ยากระจายได้ดีและเร็วขึ้น
- การฉีดยาเข้าเส้นเลือดแพะ การฉีดเข้าเส้นเลือดมีผลทำให้ระดับยาเริ่มต้นในเลือดสูงหลังจากฉีดยา การเริ่มต้นออกฤทธิ์ของยาอย่างรวดเร็วที่สุด ระยะเวลาที่ให้ผลการรักษาสั้น
ตำแหน่งที่นิยมฉีด ได้แก่ เส้นเลือดดำใหญ่ที่คอทั้งสองเส้น ในการฉีดใช้เข็มขนาด เบอร์ 22 ถึง 20 ก่อนฉีดควรบังคับจับแพะให้นิ่งโดยใช้ขาทั้งสองคล่อมตัวแพะ จับหัวแพะเงยขึ้นบิดลำคอเล็กน้อย แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือกดบริเวณร่องคอด้านล่าง จะเห็นเส้นเลือดดำโป่งขึ้นมา หลังจากนั้นเช็ดบริเวณที่จะฉีดด้วยแอลกอฮอล์ แล้วแทงเข็มให้ทำมุมประมาณ 30-45 องศา กับลำคอแพะ ค่อย ๆ เดินยาจนหมดกระบอกฉีดยา แล้วถอนเข็มออก เช็ดด้วยแอลกอฮอล์อีกครั้ง
2. การให้ยาทางปากแก่แพะ ผลการให้ยาทางปากจะทำให้การเริ่มต้นออกฤทธิ์ของยาช้ากว่าการให้ยาโดยการฉีด ระยะที่ให้ผลการรักษานานกว่า ขนาดของยาที่ใช้ในการรักษามากกว่าการให้ยาโดยการฉีด ในการให้ยาทางปากปลอดภัยกว่าการฉีดเพราะดูดซึมช้ากว่า และมีข้อจำกัดในกรณีสัตว์อาเจียน ท้องเสีย และยาถูกทำลายด้วยน้ำย่อยจากกระเพาะอาหาร การให้ยาทางปากจะลดการดูดซึมของยาหรือการออกฤทธิ์ของยา
ตำแหน่งที่ให้ยาคือ บริเวณโคนลิ้น ยาที่นิยมให้ทางปาก ได้แก่ ยาถ่ายพยาธิ ยาลดไข้ ก่อนให้ยาต้องบังคับให้แพะอยู่นิ่ง ๆ แหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย แต่จมูกต้องไม่อยู่สูงกว่าระดับลูกตาของแพะ เพื่อป้องกันกรณียาน้ำไม่สำลักเข้าปอด ขั้นตอนเริ่มต้นด้วยการดึงลิ้นแพะออกด้านข้างแล้วสอดยาวางบนโคนลิ้นและปล่อยให้แพะแ กะกลืนยาลงไป กรณียาน้ำให้สอดหลอดหรือกระบอกฉีดยาเข้าไปบนโคนลิ้นแล้วค่อย ๆ ปล่อยยาไหลลงไป
3. การให้ยาทางช่องคลอด ใช้ในกรณีที่ช่องคลอดหรือมดลูกมีบาดแผล หรืออักเสบ เช่น กรณีมดลูกอักเสบทำได้โดยการสอดเม็ดยาโดยใช้เครื่องสอดเม็ดยา กรณีมดลูกอักเสบนอกจากสอดยาแล้วให้ล้างช่องคลอดด้วยยาฆ่าเชื้อ หรือยาเหลืองล้าง โดยใช้สายยางสอดเข้าไปแล้วใช้ไซริงจ์ดูดยาต่อสายยางฉีดเข้าไป โดยให้สายยางเป็นตัวช่วย จากนั้นสอดยาเข้าไป จะช่วยให้มดลูกอักเสบหายเร็วยิ่งขึ้น
4. การให้ยาทางทวารหนัก บางครั้งในกรณีที่เกิดโรคบริเวณส่วนปลายของระบบทางเดินอาหาร เช่น มีแผลอักเสบ มีอุจจาระเป็นก้อนแข็ง สัตว์ไม่สามารถถ่ายได้สะดวก เช่น กรณีท้องผูก ไม่ถ่ายก็ให้ยาสวนทวารหนัก ซึ่งเป็นตัวยาหล่อลื่นและระคายเคืองน้อย เช่น น้ำสบู่หรือกลีเซอรีน
กรณีที่ทวารหนักมีแผล หรือมีแผลอักเสบสามารถให้ยาเม็ดได้เช่นกัน เนื่องจากอุณหภูมิของทวารหนักสูงสามารถละลายยาได้
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- ข้อคิดก่อนตัดสินใจเลี้ยงแพะ
- พันธุ์แพะนมจากอังกฤษ
- โรงเรือนและสภาพการเลี้ยงดูแพะนม
- การตั้งท้อง, ผสมพันธุ์ และอาหารสำหรับแพะนม
- การรีดนมแพะ, การเก็บรักษา และการแปรรูปนมแพะ
- ประโยชน์ที่จะได้รับจากการเลี้ยงแพะนมเปรียบเทียบกับวัวนม
- สูตรอาหารสำหรับแพะ
- พฤติกรรมกับสุขภาพของแพะ
- ยาที่ควรมีไว้ประจำฟาร์มแพะ
- แพะนมหลาวซาน
- คำถามคำตอบเกี่ยวกับแพะ