การปลูกแคนตาลูปรสหวาน สไตล์คุณแสนคมแห่งวังสมบูรณ์
แคนตาลูปรสหวาน วังสมบูรณ์ ระยะปลูกสั้น ทำรายได้งาม
คุณแสนบอกว่า สายพันธุ์แคนตาลูปยอดนิยม ที่กลุ่มของตนเองปลูกอยู่ มีสายพันธุ์ฮันนี่ดิว ศรีทอง และตาข่าย 778
แนวทางการเลือกที่ปลูกนั้น ดินควรมีความอุดมสมบูรณ์ มีน้ำบริบูรณ์ ที่ดินไม่จำเป็นต้องเป็นของตนเอง แต่หาเช่าได้ ซึ่งมีให้เช่าอยู่จำนวนมาก
หน้าแล้ง ขอให้มีแหล่งน้ำ ดินดี เป็นอันปลูกแคนตาลูปได้
แต่หากเป็นหน้าฝน ควรเป็นที่ดอน น้ำไม่ท่วมขัง
งานเตรียมดิน เริ่มจากไถดะ ตากดินให้ได้รับแสงแดด 4-5 วัน
ต่อมาลงผาล 7 แล้วยกร่อง ให้สันร่องกว้าง 1.5 เมตร ทางเดินระหว่างแปลง 1 เมตร
เมื่อเตรียมแปลงเสร็จ หว่านปุ๋ยสูตร 15-15-15 จำนวน 2 กระสอบ (ลูก) ต่อไร่
หลังหว่านปุ๋ย วางเทปน้ำหยด และปูพลาสติก
ต้นทุนการผลิตต่อไร่นั้น เริ่มแรกคุณแสนบอกว่า อาจจะมากสักหน่อย คือมากกว่า 1.5 หมื่นบาท แต่ระยะหลัง ๆ ต้นทุนที่ลงไปเต็มที่เพียง 1.5 หมื่นบาท เท่านั้น เพราะอุปกรณ์บางอย่างซื้อแล้ว ไม่ต้องซื้ออีก เช่น เครื่องปั๊มน้ำ ผ้าพลาสติก และเทปน้ำหยดก็ไม่ต้องซื้อบ่อย สามารถใช้งานได้มากกว่า 5-6 รุ่น
ก่อนปลูก มีการเพาะเมล็ดแตงในถาด ที่ใช้วัสดุปลูกพิเศษ เวลาที่ต้นกล้าอยู่ในถาด 7-8 วัน จากนั้น จึงย้ายลงแปลง
ระยะปลูกแคนตาลูป นั้น ระหว่างต้น 40-50 เซนติเมตร ระหว่างแถว 60 เซนติเมตร ระหว่างต้นและระหว่างแถว ใกล้เคียงกันมาก พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกได้ 4,000 ต้น
การดูแลรักษาแคนตาลูป มีเรื่องหลัก ๆ คือน้ำ ปุ๋ย สารเคมีป้องกันกำจัดโรคและแมลง
เรื่องน้ำ เขามีเทปน้ำหยด ที่กำหนดให้หยดลงที่โคนต้นพอดิบพอดี ความถี่ห่างในการให้น้ำนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝน ความแห้งของอากาศ
แน่นอน หากเป็นช่วงฝน น้ำที่ให้ย่อมไม่มาก แต่หากเป็นหน้าแล้งแล้ว น้ำมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตอย่างมาก
ระบบการให้น้ำนั้น เขามีเครื่องปั๊ม จากนั้นผ่านถัง แล้วปล่อยไปตามสาย สุดท้ายไปหยดแหมะ ๆ ลงที่โคนต้น ให้ต้นได้ดูดไปดื่มกิน
ส่วนปุ๋ย เมื่อก่อนอาจจะหว่านกันให้วุ่นวาย ปัจจุบันนี้ เขาละลายไปกับน้ำ
การให้ปุ๋ย นั้น เมื่อปลูกต้นกล้าลงดิน มีใบ 2-3 ใบ อายุราว 12-13 วัน ปุ๋ยที่ให้เป็นสูตร 15-15-15 พื้นที่ 10 ไร่ ให้ปุ๋ย 1 ลูก ระยะเวลาที่ให้ 3 วัน 1 ครั้ง
ใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ (15-15-15) ราว 4-5 ครั้ง จึงเปลี่ยนเป็นสูตร 18-40-0 กรณีที่ต้นไม่สมบูรณ์ ปริมาณที่ให้ 1 ลูก ต่อ 10 ไร่
เมื่อแคนตาลูปมีผลขนาดเท่าไข่ไก่ เปลี่ยนใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21 ปริมาณและระยะเวลาเท่ากับช่วงแรก ๆ
จนกระทั่งก่อนเก็บผลผลิต คุณแสนบอกว่าใส่ปุ๋ยสูตร 0-0-60 โดยให้ 2-3 ครั้ง ก็เก็บผลผลิตได้
การเก็บผลผลิตนั้น ขึ้นอยู่กับฤดูกาล หน้าฝน หลังนำกล้าลงปลูก 60 วัน เก็บผลผลิตได้ หน้าหนาว 65 วัน และหน้าแล้ง 55 วัน
สำหรับปริมาณปุ๋ยที่ใส่ให้ ดูเหมือนว่า ใส่ให้มาก แต่จริง ๆ แล้ว รุ่นหนึ่ง ปุ๋ยที่ให้ตกไร่ละ 5-6 ลูก เท่านั้นเอง
ศัตรูของแคนตาลูป หน้าฝนนั้น หนักหน่อยเป็นเรื่องของเชื้อรา รวมทั้งไวรัสลงที่ยอดและผล
เชื้อรา สามารถป้องกันกำจัดได้ไม่ยุ่งยากนัก แต่ไวรัสต้องป้องกันอย่างเดียว
หน้าฝน มีปัญหาเรื่องโรคและแมลง จึงทำให้ปริมาณแคนตาลูปไม่มากนัก ส่งผลให้ราคาผลผลิตสูง ต่างจากฤดูกาลอื่น
สิ่งหนึ่งที่ต้องทำให้กับแคนตาลูปนั้น คือปักเสาและขึงเชือกให้ 2 เส้น เส้นแรกสูงจากพื้นราว 50 เซนติเมตร เส้นที่ 2 สูงจากพื้น 1.50 เมตร
คุณแสนบอกว่า สายพันธุ์แคนตาลูปยอดนิยม ที่กลุ่มของตนเองปลูกอยู่ มีสายพันธุ์ฮันนี่ดิว ศรีทอง และตาข่าย 778
แนวทางการเลือกที่ปลูกนั้น ดินควรมีความอุดมสมบูรณ์ มีน้ำบริบูรณ์ ที่ดินไม่จำเป็นต้องเป็นของตนเอง แต่หาเช่าได้ ซึ่งมีให้เช่าอยู่จำนวนมาก
หน้าแล้ง ขอให้มีแหล่งน้ำ ดินดี เป็นอันปลูกแคนตาลูปได้
แต่หากเป็นหน้าฝน ควรเป็นที่ดอน น้ำไม่ท่วมขัง
งานเตรียมดิน เริ่มจากไถดะ ตากดินให้ได้รับแสงแดด 4-5 วัน
ต่อมาลงผาล 7 แล้วยกร่อง ให้สันร่องกว้าง 1.5 เมตร ทางเดินระหว่างแปลง 1 เมตร
เมื่อเตรียมแปลงเสร็จ หว่านปุ๋ยสูตร 15-15-15 จำนวน 2 กระสอบ (ลูก) ต่อไร่
หลังหว่านปุ๋ย วางเทปน้ำหยด และปูพลาสติก
ต้นทุนการผลิตต่อไร่นั้น เริ่มแรกคุณแสนบอกว่า อาจจะมากสักหน่อย คือมากกว่า 1.5 หมื่นบาท แต่ระยะหลัง ๆ ต้นทุนที่ลงไปเต็มที่เพียง 1.5 หมื่นบาท เท่านั้น เพราะอุปกรณ์บางอย่างซื้อแล้ว ไม่ต้องซื้ออีก เช่น เครื่องปั๊มน้ำ ผ้าพลาสติก และเทปน้ำหยดก็ไม่ต้องซื้อบ่อย สามารถใช้งานได้มากกว่า 5-6 รุ่น
ก่อนปลูก มีการเพาะเมล็ดแตงในถาด ที่ใช้วัสดุปลูกพิเศษ เวลาที่ต้นกล้าอยู่ในถาด 7-8 วัน จากนั้น จึงย้ายลงแปลง
ระยะปลูกแคนตาลูป นั้น ระหว่างต้น 40-50 เซนติเมตร ระหว่างแถว 60 เซนติเมตร ระหว่างต้นและระหว่างแถว ใกล้เคียงกันมาก พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกได้ 4,000 ต้น
การดูแลรักษาแคนตาลูป มีเรื่องหลัก ๆ คือน้ำ ปุ๋ย สารเคมีป้องกันกำจัดโรคและแมลง
เรื่องน้ำ เขามีเทปน้ำหยด ที่กำหนดให้หยดลงที่โคนต้นพอดิบพอดี ความถี่ห่างในการให้น้ำนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝน ความแห้งของอากาศ
แน่นอน หากเป็นช่วงฝน น้ำที่ให้ย่อมไม่มาก แต่หากเป็นหน้าแล้งแล้ว น้ำมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตอย่างมาก
ระบบการให้น้ำนั้น เขามีเครื่องปั๊ม จากนั้นผ่านถัง แล้วปล่อยไปตามสาย สุดท้ายไปหยดแหมะ ๆ ลงที่โคนต้น ให้ต้นได้ดูดไปดื่มกิน
ส่วนปุ๋ย เมื่อก่อนอาจจะหว่านกันให้วุ่นวาย ปัจจุบันนี้ เขาละลายไปกับน้ำ
การให้ปุ๋ย นั้น เมื่อปลูกต้นกล้าลงดิน มีใบ 2-3 ใบ อายุราว 12-13 วัน ปุ๋ยที่ให้เป็นสูตร 15-15-15 พื้นที่ 10 ไร่ ให้ปุ๋ย 1 ลูก ระยะเวลาที่ให้ 3 วัน 1 ครั้ง
ใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ (15-15-15) ราว 4-5 ครั้ง จึงเปลี่ยนเป็นสูตร 18-40-0 กรณีที่ต้นไม่สมบูรณ์ ปริมาณที่ให้ 1 ลูก ต่อ 10 ไร่
เมื่อแคนตาลูปมีผลขนาดเท่าไข่ไก่ เปลี่ยนใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21 ปริมาณและระยะเวลาเท่ากับช่วงแรก ๆ
จนกระทั่งก่อนเก็บผลผลิต คุณแสนบอกว่าใส่ปุ๋ยสูตร 0-0-60 โดยให้ 2-3 ครั้ง ก็เก็บผลผลิตได้
การเก็บผลผลิตนั้น ขึ้นอยู่กับฤดูกาล หน้าฝน หลังนำกล้าลงปลูก 60 วัน เก็บผลผลิตได้ หน้าหนาว 65 วัน และหน้าแล้ง 55 วัน
สำหรับปริมาณปุ๋ยที่ใส่ให้ ดูเหมือนว่า ใส่ให้มาก แต่จริง ๆ แล้ว รุ่นหนึ่ง ปุ๋ยที่ให้ตกไร่ละ 5-6 ลูก เท่านั้นเอง
ศัตรูของแคนตาลูป หน้าฝนนั้น หนักหน่อยเป็นเรื่องของเชื้อรา รวมทั้งไวรัสลงที่ยอดและผล
เชื้อรา สามารถป้องกันกำจัดได้ไม่ยุ่งยากนัก แต่ไวรัสต้องป้องกันอย่างเดียว
หน้าฝน มีปัญหาเรื่องโรคและแมลง จึงทำให้ปริมาณแคนตาลูปไม่มากนัก ส่งผลให้ราคาผลผลิตสูง ต่างจากฤดูกาลอื่น
สิ่งหนึ่งที่ต้องทำให้กับแคนตาลูปนั้น คือปักเสาและขึงเชือกให้ 2 เส้น เส้นแรกสูงจากพื้นราว 50 เซนติเมตร เส้นที่ 2 สูงจากพื้น 1.50 เมตร