การปลูกทานตะวันตัดดอก

ทานตะวัน เป็นพืชไร่ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ ต่อภาคเกษตรอุตสาหกรรมการแปรรูป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเมล็ดทานตะวันมาผลิตเป็นน้ำมันพืชเครื่องสำอาง อาหารเสริม และขนมต่าง ๆ นอกจากนี้ในช่วงฤดูกาลที่มีการปลูกทานตะวันซึ่งเกษตรกรจะใช้พื้นที่ปลูกเป็นจำนวนมาก หรือหลาย ๆ พื้นที่ ติดต่อกัน เมื่อทานตะวันโตเต็มที่ และออกดอกเหลืองอร่ามพร้อม ๆ กัน ทำให้อาณาบริเวณที่ปลูก กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางการเกษตรที่สวยสดงดงามยิ่ง

ประโยชน์ของทานตะวันไม่ใช่เพียงแค่เมล็ดเท่านั้น ในปัจจุบันดอกทานตะวันเองก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตลาดไม้ดอกไม้ประดับในประเทศไทย โดยใช้เป็นไม้ดอกในการตกแต่งประดับในงานพิธีต่าง ๆ แต่ยังมีปัญหาตรงที่คุณภาพของดอกที่ยังไม่ได้มาตรฐานเท่าที่ควร ดังนั้น ศูนย์ส่งเสริมและผลิตภัณฑ์พืชสวนเลย ต.นาอาน อ.เมือง จ.เลย จึงทำการศึกษาและทดสอบการปลูกทานตะวัน เพื่อพัฒนาการผลิตให้เป็นไม้ดอกที่มีคุณภาพตามที่ตลาดต้องการ และเพื่อให้เกษตรกรสามารถนำไปพัฒนา การปลูกเพื่อการค้าต่อไปในอนาคต

สำหรับการทดสอบพันธุ์ทานตะวันเพื่อตัดดอกนั้น ทางศูนย์ได้ทำแปลงทดสอบ เพื่อทดสอบพันธุ์ที่มีความเจริญเติบโตดี ต้านทานโรคและแมลงสามารถขยายพันธุ์โดยเมล็ด และปลูกได้ตลอดทั้งปี ซึ่งดอกทานตะวันกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดและผู้บริโภค จากผลการทดสอบสรุปได้ว่า พันธุ์ที่เหมาะสมในการตัดดอกเพื่อการค้ามี 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์ TAIYO ( สีเหลืองดอกใหญ่ ) ซึ่งมีลักษณะเส้นผ่าศูนย์กลางลำต้น 1-1.5 เซนติเมตร สูง 80-90 เซนติเมตร เหมาะสำหรับเป็นไม้ตัดดอกถ้าทำการเด็ดยอดจะแตกกิ่งสม่ำเสมอ ลักษณะดอกจะเป็นดอกขนาดใหญ่ การเรียงของกลีบดอกสม่ำเสมอ ความกว้างของเส้นผ่าศูนย์กลางดอกเฉลี่ย 4.5 นิ้ว อายุตัดดอก 73 วัน เส้นผ่าศูนย์กลางดอก 4.9 นิ้ว ความยาวช่อดอก 7-9 เซนติเมตร อายุการปักแจกัน 5 วัน ทั้งสองสายพันธุ์นี้ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก

วิธีการปลูกและการปฏิบัติดูแลรักษา
เริ่มตั้งแต่การเตรียมพื้นที่ ควรเป็นดินที่ร่วนซุยมีการระบายน้ำดี ส่วนการเตรียมแปลงปลูกให้ดำเนินการไถปรับพื้นที่ 2 ครั้ง แล้วปรับพื้นที่ให้เรียบ ปลูกในลักษณะ 3 แถว ระยะปลูกระหว่างแถว 70 เซนติเมตร และระหว่างต้น 50 เซนติเมตร การเตรียมต้นกล้าให้ใช้ต้นกล้าจากการเพาะเมล็ดเพาะลงในกระจาดต้นกล้ามี 4 ใบเพาะกล้านาน 15 วัน 


การให้ปุ๋ย
ระยะแรก ให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตราครึ่งกิโลกรัม และสูตร 46-0-0 อัตราครึ่งกิโลกรัมผสมกันละลายในน้ำ 10 ลิตร รดทั่วทั้งแปลงปลูก โดยใช้เครื่องรดปุ๋ยรดทุก ๆ 14 วันต่อครั้ง ในระยะก่อนให้ผลผลิตให้ปุ๋ยสูตร 12-24-12 อัตรา 1 กิโลกรัม ต่อน้ำ 10 ลิตร ละลายในน้ำรดทั่วทั้งแปลงโดยใช้เครื่องรดปุ๋ยรดทุก ๆ 14 วัน ต่อครั้ง ระยะให้ผลผลิตให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 1 กิโลกรัมต่อน้ำ 10 ลิตร ละลายในน้ำรดทั่วทั้งแปลงโดยใช้เครื่องรดปุ๋ย จนกว่าจะเก็บผลผลิต การให้น้ำให้ใช้สายยางพร้อมฝักบัวรดให้ที่ความชื้นพอดี ให้ทุกวันในระยะปลูกใหม่ และให้วันเว้นวันหลังจากปลูกแล้ว 10 วัน โดยปกติทั้งสองสายพันธุ์นี้มีความต้านทานโรคแมลงอยู่แล้ว แต่ในกรณีที่อาจพบได้เช่น หนอนเจาะดอก ซึ่งจะทำลายใบและยอดอ่อน ให้ป้องกันและกำจัดโดยใช้สารเคมี คาร์โบซัลเฟน อัตรา 30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่น 2 ครั้ง ระยะแตกยอดอ่อนและช่อดอกอ่อน โรคโคนเน่าทำลายโคนต้นและราก ทำให้ทั้งต้นเหี่ยว และตายได้ ให้ป้องกันและกำจัดโดยใช้เทอร์ราคลอร์ อัตรา 60 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร รดให้ทีละต้น ต้นละ 250 ซีซี

Kasetbay.com
| Facebook_white
เบอร์โทรศัพท์: --- เบอร์แฟกซ์: ---
ประเทศไทย
Powered by Kaset Bay