มะเขือเปราะ พันธุ์ขาวกรอบแม่โจ้

มะเขือเปราะพันธุ์ขาวกรอบแม่โจ้ เป็นมะเขือที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ โดยสาขาพืชผัก ภาควิชาพืชสวน คณะผลิตกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ การพัฒนาสายพันธุ์เริ่มมาจากโครงการวิจัยและพัฒนาต้นตอพืชในตระกูลแตงและมะเขือ ในปี 2541 ซึ่งมี ดร.นิรมิต กิจรุ่งเรือง เป็นหัวหน้าโครงการ (ดร.นิรมิต เสียชีวิตเมื่อปี 2542) 

ในขณะนั้นได้รวบรวมเชื้อพันธุ์มะเขือต่างๆ ที่ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์พื้นเมืองภายในประเทศ เพื่อใช้เป็นต้นตอสำหรับการวิจัย ในการปลูกเพื่อศึกษาลักษณะประจำพันธุ์พบว่า มะเขือพันธุ์พื้นเมืองของไทยมีความหลากหลายทางพันธุกรรมมาก และพบว่าหลายสายพันธุ์มีศักยภาพในการนำมาพัฒนาเชิงการค้าได้ 

อาจารย์ฉันทนา สีผึ้ง ภาควิชาพืชสวน คณะผลิตกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า แนวคิดในการที่ได้มาปรับปรุงพันธุ์มะเขือเปราะพันธุ์ขาวกรอบแม่โจ้ จนประสบความสำเร็จ ได้พันธุ์ที่ดี ก็เนื่องจากเป็นคนที่ชอบรับประทานมะเขือ ต้องการให้มะเขือเปราะสามารถที่จะรับประทานผลสดได้ จึงรวบรวมพันธุ์มะเขือพันธุ์พื้นเมืองของไทย และคัดเลือกแบบคัดเลือกหมู่ 6 ชั่ว 

จนได้มะเขือเปราะที่มีความสม่ำเสมอของสายพันธุ์ และได้ตั้งชื่อพันธุ์มะเขือเปราะว่า "พันธุ์ขาวกรอบแม่โจ้" 

มะเขือเปราะพันธุ์ขาวกรอบแม่โจ้ มีลักษณะเด่นประจำพันธุ์ คือเป็นมะเขือเปราะที่มีต้นเตี้ย ออกผลเป็นช่อ ติดผลดก ผลมีสีขาวทั่วผล มีขนาดเล็กพอคำ รสชาติดี และมีความกรอบอร่อย เหมาะสำหรับรับประทานสด อีกทั้งเป็นพันธุ์ที่ปลูกง่ายให้ผลผลิตสูง สามารถปลูกในเชิงการค้าหรือปลูกเป็นผักสวนครัวได้ดี 

ส่วนลักษณะประจำพันธุ์โดยทั่วไป มะเขือเปราะพันธุ์ขาวกรอบแม่โจ้ มีอายุต้นกล้า 25-30 วัน อายุการเก็บเกี่ยวหลังจากย้ายไปปลูกแล้วประมาณ 40-45 วัน ความสูงเมื่อเริ่มเก็บเกี่ยว 25-30 เซนติเมตร เมื่อเติบโตเต็มที่ 50-60 เซนติเมตร 

ต้นมีทรงพุ่มกว้าง 30-40 เซนติเมตร กิ่งแขนงหลัก 8-10 กิ่ง ผลมีสีขาวทั้งผล ลักษณะเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตร 

ออกดอกสีขาวเป็นช่อ ระยะเวลาในการให้ผลผลิตไม่ต่ำกว่า 2 เดือน ผลผลิตต่อต้นประมาณ 1 กิโลกรัม จำนวน 250 ผล ต่อกิโลกรัม 

ซึ่งการปลูก การดูแลรักษา และการเตรียมดินสำหรับแปลงปลูกนั้น ด้วยมะเขือเปราะพันธุ์ขาวกรอบแม่โจ้สามารถปลูกได้ในดินเกือบทุกชนิด ซึ่งควรเป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ และควรมีการระบายน้ำที่ดี 

การเตรียมดิน โดยการไถตากไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ ประมาณ 2-3 ตัน ต่อไร่ ดินจะต้องเป็นดินที่เป็นกรดเล็กน้อย มี pH ประมาณ 5.5-6.5 และควรปลูกด้วยวิธีการย้ายกล้า 

การเพาะกล้า เมล็ดที่ใช้ประมาณ 30-40 กรัม ต่อไร่ โดยนำเมล็ดพันธุ์แช่น้ำให้เปียกแล้วนำมาห่อไว้ในถุงผ้าที่ชื้น ทิ้งไว้ประมาณ 1 วัน แล้วจึงนำไปเพาะ เมื่องอกแล้วประมาณ 20-30 วัน จึงย้ายปลูก 

ใช้ระยะปลูก 50x60 เซนติเมตร หรืออาจปลูกในกระถางเพื่อใช้เป็นพืชสวนครัวได้ โดยใช้กระถางขนาดความสูงประมาณ 25-30 เซนติเมตร ปากกระถางกว้างประมาณ 30 เซนติเมตร ปลูก 1 ต้น ต่อกระถาง 

การใส่ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 รองก้นหลุมก่อนปลูก อัตราประมาณ 25 กิโลกรัม ต่อไร่ 

เมื่อต้นกล้าตั้งตัวได้แล้วจึงใส่ปุ๋ยยูเรียประมาณ 20 กิโลกรัม ต่อไร่ อายุประมาณ 20-30 วัน ใส่ปุ๋ยยูเรียอีกครั้ง และเมื่อให้ผลผลิต ใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21 อัตรา 40 กิโลกรัม ต่อไร่ 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Kasetbay.com
| Facebook_white
เบอร์โทรศัพท์: --- เบอร์แฟกซ์: ---
ประเทศไทย
Powered by Kaset Bay