ฝึกทหารให้กับเมล็ดข้าว

มาฝึกทหารให้กับเมล็ดข้าวก่อนปลูกกันเถอะ…

ในช่วงเดือนนี้มีฝนทิ้งช่วงในรอบปี ถ้าปีใดฝนทิ้งช่วงยาวนาน เรามักได้ข่าวกล้าข้าวแห้งตายอยู่เนืองๆ โดยเฉพาะในแปลงนาที่พึ่งพาน้ำฝนในการปลูกข้าวเพียงอย่างเดียว ในบางพื้นที่ที่ได้รับฝนน้อยมาก ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยกับวิธีการปักดำกล้าข้าวในแปลงนาที่ต้องอาศัยน้ำปริมาณมาก อย่างไรก็ดีเรามีวิธีหนึ่งที่ช่วยทำให้เกษตรกรในพื้นที่ที่อยู่นอกความเอาใจใส่ของพระยานาคได้มีข้าวกิน คือ ฝึกให้เมล็ดข้าวอดทนต่อการขาดน้ำมากขึ้น…แต่อย่าไปคิดไปปลูกในทะเลทรายนะ เพราะต่อให้ฝึกอย่างดีแล้วส่งไปเป็นกองพันก็ตายเรียบ

หลักสูตรการฝึกเริ่มต้นโดยเอาเมล็ดข้าวเปลือกที่จะปลูกมาแช่ในน้ำสะอาด แล้วกวนน้ำเพื่อแยกเมล็ดลีบ เมล็ดขี้โรคต่างๆ ออกให้หมด 
(เอาแต่ประเภทดี 1 เท่านั้น) พวกที่ลอยอยู่ครึ่งๆ กลางๆ แบบตุ๊ด ก็เอาออกด้วยเพราะไปไม่รอดในสมรภูมิโหดๆ หลังจากกำจัดพวกไม่ได้เรื่องต่างๆ ออกไปแล้ว ก็ทิ้งให้เมล็ดข้าวที่จมอยู่นั้นได้อิ่มเอิบกับการกินน้ำเพื่อสำรองไว้แบบอูฐ ทิ้งไว้ประมาณ 2 วัน พอเห็นว่าอ้วนเต็มที่แล้ว จึงเอาขึ้นมาผึ่งลมให้แห้งในที่ร่ม…ห้ามเอาไปตากแดดเป็นอันขาดเพราะจะทำให้ข้าวช๊อคตาย หลังจากปล่อยให้นอนพักอย่างสบายจนเนื้อตัวแห้งแล้ว (ข้าวเปลือกนะ ไม่ใช่คนทำ) ก็สั่งให้ไปออกรบได้ แต่ก่อนนำไปปลูกในแปลง ก็ควรเลือกดูฤกษ์ยามตามตำราชัยสงครามก่อน คือ ควรปลูกแบบกระทุ้งหยอดข้าวเป็นหลุม และต้องปลูกในขณะดินผ่านฝนมาแล้วจนชุ่มฉำ หรือปลูกไปแล้วได้ฝนสักครั้งสองครั้ง (ถ้าติดสินบนพระยานาคได้) ..หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ทหารของเรา (เจ้าข้าว) ไปต่อสู้แย่งชิงพื้นที่เพื่อสร้างผลผลิตต่อไป

จากที่ผมเคยฝึกทหารข้าวโดยใช้หลักสูตรนี้และนำไปปลูกในสถานการณ์ที่ดินมีน้ำพอเพียงก่อนปลูกหลังจากนั้นไม่ให้น้ำในแปลงเลยนานถึง 
2 เดือน พบว่า ข้าวที่ผ่านการฝึกมาแล้วจะงอกเร็วกว่าข้าวที่ไม่ได้ฝึก คือเพียง 3 วันก็งอกได้ถึง 90% และยังสร้างใบอย่างรวดเร็วถึง 3 ใบในช่วงเวลาเพียง 2 สัปดาห์หลังปลูก ซึ่งสามารถแย่งชิงพื้นที่กับวัชพืชได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะเมื่อไม่มีการให้น้ำหลังปลูกเลย เมื่อขุดดูรากข้าวก็พบว่า มีความยาวรากที่ยาวกว่าและจำนวนรากที่สร้างขึ้นมากกว่าพวกไม่ผ่านการฝึก นอกจากนี้ยังมีน้ำหนักแห้งของต้นสูงกว่าปกติถึง 60-70% อีกด้วย เมื่อถึงท้ายสุดของการทดสอบยังพบว่า พวกทหารข้าวของเรารีบแตกกอและสร้างยอดพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วมากเมื่อได้ให้น้ำอีกครั้งหนึ่ง (1 เดือนหลังปลูก)

จากผลการทดสอบครั้งนี้พอจะยืนยันได้ว่า ในกรณีที่เป็นพื้นที่อับฝน หรือไม่มีน้ำพอเพียงกับการทำแปลงกล้าและปักดำ ก็ควรนำไปใช้ในการปลูกข้าวเพื่อจะได้มีข้าวกิน ดีกว่าอพยพหนีตายเข้าไปในกรุงเทพ ซึ่งจะยิ่งตายมากขึ้นในสภาพไม่มีงานจ้างในปัจจุบัน อ้อ…เกือบลืมไป หลักสูตรนี้ผมได้ทดสอบกับเหล่าพันธุ์ข้าวไทยถึง 10 พันธุ์โดยเลือกเอาเฉพาะพันธุ์ที่นิยมปลูกกันทั้งนั้น ซึ่งก็พบว่า พันธุ์ขาวดอกมะลิ 105  กข.6  ซิวแม่จัน และน้ำสะกุย 19 จะเป็นกลุ่มที่อดทนแล้งที่สุด ถ้าท่านสนใจจะใช้ฝึกกับพืชพันธุ์อื่นๆ ก็ได้ แต่ต้องระวังไว้อย่างหนึ่งคือ ถ้าเป็นพวกไม่ชอบนอนแช่น้ำนานๆ ก็ให้ใช้วิธีกักตัวในสภาพมีน้ำพอเพียงเพื่อให้เมล็ดพืชนั้นได้ดูดน้ำไปเก็บไว้ให้เต็มที่จริงๆ

สาวิตร มีจุ้ย
สถาบันวิจัยและฝึกอบรมการเกษตรลำปางสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล           

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Kasetbay.com
| Facebook_white
เบอร์โทรศัพท์: --- เบอร์แฟกซ์: ---
ประเทศไทย
Powered by Kaset Bay