การตลาดของนกกระทา

การเลี้ยงสัตว์ทุกชนิดต้องมีใจรักเป็นส่วนสำคัญที่สุด นกกระทาก็เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่เลี้ยงง่าย แต่เป็นงานที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน ต้องศึกษาหาความรู้จากตำราหรือผู้เลี้ยงคนอื่น ๆ มาผสมผสานด้วย เพื่อให้มีประสบการณ์และสามารถสร้างเทคนิคการเลี้ยงให้ได้ผลดี

ช่วงประมาณ ปี 2536 - 2538 ไข่นกกระทาขายดีมาก ราคาก็ดีด้วยจากราคาขายส่ง ฟองละ 30 สตางค์ เพิ่มขึ้นเป็น 50 สตางค์ ส่วนนกเนื้อตัวละ 7 บาท เพิ่มเป็น 12 - 13 บาท ทำให้มีการเลี้ยงนกกระทากันมากขึ้น

รายได้จากการขายไข่นกวันละ 1,000 ฟองจะได้ประมาณ 600 - 700 บาท โดยต้นทุนที่เราใช้อาหารต่อตัวประมาณ 6 บาท และใช้เวลาเลี้ยงไม่นานก็สามารถให้ผลผลิตได้แล้ว นอกจากนี้เมื่อนกหมดอายุให้ไข่ก็สามารถขายเป็นนกเนื้อสร้างรายได้ให้อย่างงดงาม

การดูแลก็ใช้เวลาเพียงวันละ 4 - 5 ชั่วโมงเท่านั้น โดยทำเป็นช่วง ๆ เช่นให้อาหาร ทำความสะอาด เก็บไข่และบรรจุถุง การนำไปจำหน่ายที่ตลาด ซึ่งเป็นงานที่ค่อนข้างสบาย แต่จะลำบากในลักษณะที่ทิ้งงานไปไหนทั้งวันไม่ได้ ต้องหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันไป

นอกจากขายไข่นกและเนื้อนกแล้ว ไข่ที่ฟักไม่ออกที่ต้องสูญเสียไป 20% ในการฟักแต่ละครั้ง สามารถใช้เลี้ยงตะพาบน้ำได้และอาหารที่เลี้ยงนกก็สามารถนำมาเลี้ยงเป็ดได้ และรายได้อีกอย่างหนึ่งในการเลี้ยงนกกระทาคือ ขี้นกที่ต้องเก็บกวาดทำความสะอาดรางนกอยู่แล้วเป็นประจำ 3 วันต่อครั้ง โดยต้องทิ้งไว้ให้แห้งก่อนจึงจะใส่ถุงขาย ถุงละ 25 กิโลกรัม ราคา 30 บาท ครั้งหนึ่งอาจเก็บได้ 130 - 150 กิโลกรัม ทำให้มีรายได้เสริมเดือนละ 1,500 - 2,000 บาท โดยมากนิยมนำไปใส่ต้นไม้ในสวน เช่น มังคุด ลองกอง ฯลฯ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Kasetbay.com
| Facebook_white
เบอร์โทรศัพท์: --- เบอร์แฟกซ์: ---
ประเทศไทย
Powered by Kaset Bay